What's your story
“What's your story”
เราคงเคยดูหนังภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ต่างๆ กันมาเยอะหนังหรือซีรี่ส์เหล่านั้นล้วนแล้วแต่คือเรื่องราวชีวิตของตัวละครหลักที่ดำเนินเรื่องราวต่างๆ ที่ถ่ายทอดทั้งอารม ความรู้สึกหรือแม้แต่เหตุการต่างๆ ที่ประสบพบเจอรวมถึงการรับมือและแก้ปัญหาในช่วงเหตุการที่พบผ่าน เรียงร้อยออกมากเป็นบทต่างๆให้เราสัมผัส บ้างก็สะท้อนอารมของผู้ชมได้อยากสนุกสนาน บ้างก็ลึกซึ้งกินใจจนน่าจดจำ บ้างก็อยากให้เกิดขึ้นกับตนเองเป็นหนึ่งบทบาทในชีวิตที่อยากพบเจอ แต่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ก็คือหนังภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ ที่เล่าเรื่องราวของตัวละครเหล่านั้น แล้วเรื่องราวของพวกเราเหล่าผู้ชมทั้งหลายล่ะเป็นเช่นไรกันบ้าง บางคนก็มีเรื่องราวของตัวเราเองอย่างชัดเจน หรือบางคนยังไม่มีบทเริ่มเรื่องของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว สำหรับบางคนอย่าว่าแต่บทเริ่มเลยแม้ชื่อเรื่องยังคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
แล้วที่กล่าวมาทั้งหมดมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องราวของเราด้วยล่ะ แน่นอนว่าเกี่ยวแน่นอนเพราะว่าเรื่องราวของเรานั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเรื่องราวของตัวละครต่างๆ ในภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ต่างๆ เช่นกัน เพราะชีวติเราก็คือหนึ่งบทบาทที่ต้องดำเนินต่อไป ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไงอยู่ดีเพราะเป็นเรื่องที่คาดการได้ยากถึงสึ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันไกล ย้ำว่าอันไกล เพราะอันใกล้นั้นเราสามารถกำกับบทบาทของเราได้บ้างถ้าหากเรามีไทม์ไลน์ของเรื่องอย่างชัดเจน แล้วเราก็หนักแน่นต่อบทบาทที่เราสวมอยู่ถึงแม้จะมีนอกบทไปบ้างแต่ก็ยังนำพาเราไปยังไทม์ไลน์ของเรื่องที่เราวางไว้ได้ไม่มากก็ใกล้เคียง ดังนั้นถ้าหากมีการกำหนดไทม์ไลน์ของเรื่องไว้ได้ดีและตัวละครหลักอย่างเราตั้งใจเล่นตามบทบาทอย่างมีวินัยก็อาจจะสร้างทิศทางหรือกำหนดตอนจบของเรื่องราวของเราได้อยากสวยงามแน่นอน
สรุปแล้วเรื่องราวของเราเหล่านักแสดงในชีวิตจริงทั้งหลายจะมีภาคเสริมภาคต่อ หรือจุดจบได้สวยสดงดงาม ลามไปถึงดราม่าน้ำตาแตกแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวเราทุกๆ คนแล้วแหละ อย่ามัวแต่ไปรับชมแต่เรื่องราวของผู้อื่นซะล่ะ เพราะไม่งั้นคุณจะไม่มีเวลามารับชมเรื่องราวของตัวเอง
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้