ผิดชอบ ชั่วดี
“ผิดชอบ ชั่วดี”
คำพูดที่เราจะได้ยินกันชินหู ถ้าจะให้มองดูจากรอบๆตัวในสังคมปัจจุบันเราแทบจะแยกไม่ออกเลยว่าเราสามารถใช้คำๆนี้ได้แบบไหนบ้าง เพราะด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบันนั้นเราจะเห็นคนทำสิ่งไม่ดีกันบ่อยมากจนชินตา จนบางครั้งก็ไม่อาจแยกออกแล้วว่าจริงๆแล้วความผิดนี้นั้นผิดจริงไหม หรือก่อนหน้านี้สิ่งนี้เรียกว่าผิดจริงๆหรือเปล่า อาจจะเป็นเพราะรูปแบบความผิดปรับเปลี่ยนไปตามทัศนคติของคนแต่ละยุคแต่ละสมัยหรือเปล่า ถ้าเราลองมองดูถึงสมัยก่อนก็จะมีบรรทัดฐานของสิ่งที่ไม่ดีอีกแบบ พอมาวันนี้ก็มีบรรทัดฐานอีกแบบ แล้วเราจะสรุปได้ยังไงว่าสิ่งไหนผิดสิ่งไหนไม่ผิด ถ้าจะให้ตอบอย่างชัดเจนก็คงไม่ได้อยู่ดีเพราะขึ้นอยู่กับว่าใครใช้บรรทัดฐานไหน ถ้าเราใช้บรรทัดฐานของกฏหมาย ก็จะระบุความผิดไว้ชัดเจนเป็นรูปแบบไป แต่ถึงแม้จะผิดกฏหมายแต่บางครั้งผู้ใช้กฏหมายกลับปล่อยล่ะเลยความผิดจนผู้กระทำความผิดนั้นไม่รับรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพึงกระทำนั้นถูกต้องหรือไม่ จนทำให้เกิดความสับสนขึ้นในสังคมจนทำให้เกิดปัญหาเป็นวงกว้าง เช่น การใช้พื้นที่สาธารณะไปเป็นพื้นที่ของตน หรือ การจราจรที่เกิดตามท้องถนน รวมไปถึงการระเมิดสิทธิของผู้อื่นโดยเจตนา ปัญหาเหล่านี้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่องๆ ในสังคมปัจจุบัน และก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ โดยที่ยังไม่มีวิธีที่จะแก้ไขได้อย่างชัดเจน
บางครั้งก็มีการใช้กฏหมายเข้ามาควบคุมแต่ก็ไม่สามารถใช้ได้เสมอไป เพราะในบางพื้นที่ยังมีกฏหมู่อยู่ ซึ่งกฏนี้เองที่อาจจะเป็นต้นตอที่ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนของความผิดก็ได้ เพราะในกฏหมู่นั้นจะใช้รูปแบบที่คนส่วนมากพึงพอใจเป็นหลักจนบางครั้งกฏหมายก็ควบคุมไม่ได้เลย จนทำให้ผู้ที่ได้รับการระเมิดทำได้เพียงแค่เงียบหรือต้องยินยอมไปเพราะเนื่องจากตัวบุคคลนั้นๆ ไม่มีปากเสียงหรือเป็นเพียงหมู่น้อยเท่านั้น จนต้องเข้าสู่สถานะจำยอมไปโดยปริยาย หรือบ้างครั้งผู้ได้รับผลกระทบลุกขึ้นมาต่อสู้โดยใช้ข้อพิพาททางกฏหมายจนชนะแต่ก็ไม่อาจอยู่ร่วมกับสังคมนั้นๆต่อไปได้อีก บ้งางครั้งก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นไปได้อีก
สรุปแล้วความผิดที่เกิดขึ้นนั้นล้วนแล้วแต่เกิดจากตัวผู้กระทำความผิดนั้นไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้อื่น จนนำพาไปถึงการละเมิดสิทธิผู้ของอื่นและสังคมได้ จนก่อให้เกิดความไม่พอใจและความขัดแย้งได้ ปัญหาเหล่านี้จะแก้ไขได้อย่างไรนั่นคือสิ่งที่ต้องหาคำตอบอย่างเร่งด่วน เพราะยิ่งปล่อยไว้นับวันยิ่งรุนแรงจนทำให้สังคมเกิดความตึงเครียดจนทำให้ผู้ที่ไม่เคยละเมิดสิทธิผู้อื่นหันมาโตตอบด้วยการละเมิดสิทธิบ้างจนแยกไม่ออกแล้วว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดไม่ผิด กลายเป็นระบบลูกโซวนต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะทำให้สังคมนั้นไม่น่าอยู่อีกต่อไป
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้