ไวรัสอารมณ์

Post Images

"ไวรัสอารมณ์"

ในยุคสมัยที่เร่งด่วนไปซะทุกอย่างจนหลายๆ ครั้งเหล่าผู้คนในสังคมก็หลงลืมและมองข้ามเรื่องของสภาวะทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นจนนำพาไปสู่ความสูญเสียได้หลายๆ ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นในสังคมใกล้หรือไกลตัวเราจะเห็นได้จนชินตา บางครั้งก็รุนแรงถึงขั้นเกิดการสูญเสียกันไปข้าง ทั้งๆที่จุดเริ่มต้นของสาเหตุก็อาจจะไม่ได้เกิดจากความรุนแรกสักเท่าไหร่ แต่เมื่อมีพิษร้ายทางอารมณ์บวกเข้าไปด้วยกลับทำให้เกินความรุนแรงขึ้นมาได้ซะอย่างนั้น นั่นก็เพราะว่าเราไม่ได้ทำความเข้าใจกับสภาวะทางอารมกันสักเท่าไหร่ แต่กลับปลดปล่อยให้อารมณ์นั้นเป็นตัวขับเคลื่อนเป็นตัวนำจนเหตุและผลถูกผลักกระเด็นหงายหลังเลยทีเดียว

แท้จริงแล้วถ้าเราจะเปรียบเรื่องของอารมณ์ให้เหมือนกับโรคระบาด สภาวะนี้ร้ายแรงไม่ต่างจากไวรัสเลยนะ นั่นก็เพราะเจ้าไวรัสอารมณ์นั้นสามารถแพร่กระจายและระบาดได้อย่างรวดเร็วมากๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ ในการใช้ชีวิตประจำวันปกติ เราจะรู้สึกเบื่อหน่าย หงุดหงิดต่อสิ่งรอบๆตัว ไม่ว่าจะเป็นจากการเดินทางที่รถติดขัด หรือเจอคนขับรถปาดหน้ามาจนสร้างความขุ่นเคืองให้ตัวเราเกิดโมโห หรือมีคนเบียดเราขึ้นรถไฟฟ้าจนสิ่งของที่อยู่ในมือเราตกหล่นไปกองยู่บนพื้น ถึงแม้เหตุการเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลให้ทรัพสินที่เรามีนั้นเกิดความเสียหายก็ตาม แต่เราก็เกิดความไม่พอใจจนเก็บความโมโหไปถึงที่บ้าน ยิ่งพอกลับมาบ้านแล้วต้องพบเจอสิ่งที่ไม่เข้าหูเข้าไม่ว่าจะเป็นแฟน หรือลูก ที่ทำบ้านให้รกสกปรกด้วยแล้วละก็ คงไม่ต้องพูดถึงกันเลยว่าภาคต่อของหนังเรื่องนี้จะจบตรงไหน จากที่กล่าวมาเราจะเห็นได้ว่าจากอารมณ์ที่เราได้รับจากผู้อื่นส่งผ่านมาถึงเราและเราก็ได้สงผ่านอารมณ์นั้นต่อๆกันไปได้เรื่อยๆเลย

แต่หากเราจะพูดถึงแต่เพียวอารมณ์ที่เป็นพิษร้ายเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่เพียงแค่อารมณ์ร้ายเพียงอย่างเดียวที่จะส่งผ่านต่อกันได้เท่านั้น ยังมีอารมณ์ที่ส่งผลดีต่อเนื่องต่อกันได้เช่นกัน บางครั้งก็เกิดขึ้นจากสิ่งรอบๆตัวส่งผ่านเข้ามาโดยที่เราก็ไม่ได้นึกคิด ยกตัวอย่างเช่น ในขณะที่เรานั่งรถสาธารณะไปทำงานแล้วเห็นหนุ่มสาวนั่งหยอกล้อกันน่ารัก หรือกลุ่มคนหยอกล้อยิงมุขใส่กันขำขัน บางครั้งเราก็หลุดขำไปกับเขาได้โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยทั้งๆที่เราก็ไมได้รู้จักเขาเหล่านั้นเลย หรือเห็นคนกำลังให้ความช่วยเหลือต่อผู้ที่ลำบากเราก็กลับรู้สึกดีขึ้นมาซะอย่างนั้น

จากเนื้อหาทั้งหมดที่กล่าวมาเราจะเห็นว่าอารมณ์นั้นได้ถูกส่งผ่านกันไปเรื่อยๆ ไม่จบเลย หากแต่ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่เราได้รับเท่านั้นที่จะเป็นตัวกำหนดว่าเรานั้นว่าจะไปในทิศทางไหน ถึงแม้เราจะส่งต่อหรือไม่ส่งต่อก็ตามสุดท้ายอย่างน้อยๆ ก็ได้รับการส่งผ่านช่วงอารมณ์นั้นๆมาอยู่ดี ไม่ต่างอะไรกับไวรัสเลยใช่ไหมล่ะ แต่ไวรัสอารมณ์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เสมอไปที่จะส่งจากร้ายไปร้ายตลอดหรือจากดีไปดีตลอด ยังมีปัจจัยอื่นๆควบคู่อยู่ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ ตัวผู้รับไวรัสนั้นอยู่ในสภาวะทางอารมณ์แบบไหน สภาวะนี้แหละที่เป็นตัวกระตุ้นต่อเนื่องถึงการระบาดของเชื้ออีกที หากเจอไวรัสร้ายแต่ในช่วงเวลาที่เรายังอารมณ์ดีอยู่เราอาจจะไม่ได้รับพิษร้ายจากอารมณ์ที่เกิดขึ้นและส่งต่อก็ไปหาคนอื่นๆก็ได้ หรือแม่แต่เราเจอไวรัสอารมร์ดีเข้ามาในช่วงเวลาที่เรารู้สึกไม่ดีมากๆ ก็อาจจะไม่ได้รับรู้ถึงไวรัสอารมณ์ดีเหล่านั้นเลยเช่นกัน แต่เนื่องด้วยสภาวะพิษร้ายทางอารมณ์นั้นส่งผ่านกันได้ง่ายกว่าเราถึงมักจะเจอแต่รูปแบบที่ไม่ดีเหล่านั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยสภาวะกลไกลนี้เองทำให้สังคมของเรานั้นถึงดูก้าวร้าวกันขึ้นไปเรื่อยๆ ยึ่งบวกกับความคาดหวัง ความกดดันหรือควมเครียด เข้าไปด้วยแล้ว ไวรัสพิษร้ายทางอารมณ์เหล่านี้ยิ่งทวีคูณความรุยแรงขึ้นไปเรื่อยๆ และหาหนทางแก้ไขได้ยากขึ้นทุกที

เราจะเห็นได้ว่าไวรัสทางอารมณ์นั้นดูไม่ธรรมดาเอาซะเลยใช่ไหมล่ะ ดังนั้นอย่ามองข้ามเชื้อไวรัสตัวนี้เด็ดขาด เพราะบางครั้งอาจจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของรูปแบบการอยู่ร่วมกันของสังคมมนุษย์ได้เลย แถมที่ประชากรมนุษย์นั้นก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา เรายิ่งมีโอกาสพบเจอไวรัสพิษร้ายได้มากขึ้นเรื่อยๆ จงหันมาสร้างไวรัสทางอารมณ์ที่ดีส่งต่อให้ผู้อื่นด้วยนะ เดียวจะไม่มีไวรัสดีๆไปต่อกรกับไวรัสร้ายๆ ไม่แน่ไวรัสที่ดีอาจจะเอาชนะไวรัสพิษร้ายได้ในสักวันหนึ่ง

Panya Kumsri
เกษตกรวัดดอนแตง

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความและ like กด share ให้เราด้วยน๊าาา ขอบคุณสำหรับความสนใจในบทความนี้ :)